25550303

:: กลิ่นกระเทียมในน้ำสลัด ::

นน้
Saturday: Social





สลัดช่วยเรา >> สร้างสังคมยั่งยืน

กระเทียมเป็นส่วนผสมปรุงน้ำสลัดหลายชนิด ทั้งน้ำสลัดซีซาร์ น้ำสลัดอิตาเลี่ยน หรือน้ำสลัดญี่ปุ่นให้มีกลิ่นหอมหวลน่าทาน

สารสำคัญที่ทำให้กระเทียมมีกลิ่นหอมฉุนเผ็ดร้อนคือ เอนไซม์อัลลิเนส (Allinase) ที่เปลี่ยนสารอินทรีย์กำมะถันอัลลิอิน (Alliin) ให้เป็นน้ำมันหอมระเหยอัลลิซิน (Allicin)


เมื่อนำหัวกระเทียมสดมากลั่นด้วยไอน้ำจะได้น้ำมันกระเทียม (Garlic oil) นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอาหาร น้ำ กรดไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต น้ำตาล กรดอะมิโน เหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 และวิตามินซี ฯลฯ


กระเทียมเป็นเครื่องเทศประจำครัวของคนไทยมาช้านาน อาหารแทบทุกชินดมักมีกระเทียมรวมอยู่ด้วยเสมอ อย่างน้อยก็เป็นส่วนผสมของน้ำพริกทุกชนิด เป็นเครื่องเทศปรุงแต่งกลิ่นรสอาหารประเภท ต้ม แกง และผัดทุกชนิด เป็นกระเทียมเจียวโรยหน้าก๋วยเตี๋ยวหรือข้าวต้ม ผสมกับหมูยอ แหนม ไส้กรอก เพื่อดับกลิ่นและปรุงรส นอกจากนี้ยังนำไปดอง (ส่วนมากใช้กระเทียมโทน) ใบกระเทียมสดใช้ผัดเป็นอาหาร น้ำมันกระเทียมใช้แต่งกลิ่นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ แต่งกลิ่นซอส น้ำมัน น้ำจิ้ม ฯลฯ

ขอบคุณ : http://www.panyathai.or.th

:: มาทำน้ำสลัดแบบข้นอย่างง่าย ::

 Friday: Smart

สลัดช่วยเรา >>สง่างาม

ส่วนผสม

1. ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
2. เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา
3. น้ำมันพืช 1 1/2 ถ้วยตวง
4. นมข้น 5 ช้อนกินข้าว
5. น้ำส้มสายชูผสมน้ำมะนาว 1/2 ถ้วย
6. น้ำตาลทราย 5 ช้อนกินข้าว




วิธีทำ
 - ตีไข่แดงและน้ำตาลทรายจนฟู
 - แล้วใส่เกลือ และน้ำส้มสายชูที่ผสมน้ำมะนาว ตีให้เข้ากัน
 - หลังจากนั้น ให้ค่อยๆ เทน้ำมันพืชลงไป พร้อมกับตีให้เร็วๆ จนเข้ากัน
 - แล้วเติมนมข้นลงไป ตีให้แรงๆ และเร็วๆ
 - เมื่อเข้ากันดีแล้ว ก็ชิมรสตามใจชอบ






ขอบคุณ : http://workdeena.blogspot.com/2009/05/blog-post_31.html

25550302

:: เติมข้าวโพดหวานในสลัดช่วยห่างมะเร็ง ::

 Thursday: Mind

สลัดช่วยเรา >>ใจเยือกเย็น

วารสารสมาคมเคมีแห่งสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ข้าวโพดหวานที่ปรุงสุกแล้วจะออกฤทธิ์ล้างพิษในร่างกายสูงขึ้นได้อย่างเด่นชัด เดิมเคยเชื่อกันมาก่อนว่าผักและผลไม้หากต้มปรุงสุกแล้วจะเสียคุณค่าทางอาหารลงไปสู้กินดิบ ๆ ไม่ได้ แต่ข้าวโพดหวานยังคงสามารถเก็บพลังเป็นตัวล้างพิษคงไว้ได้ แม้ว่าจะสูญเสียวิตามินซีไป การต้มข้าวโพดหวานด้วยอุณหภูมิสูง 115องศาเซลเซียส ในเวลานานต่างกัน 10, 25 และ 50 นาที พบว่ายิ่งต้มนานจะทำให้มันมีสารอันเป็นตัวล้างพิษเพิ่มขึ้นเป็น 22, 44 และ 53 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นตามลำดับ




นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารที่ออกฤทธิ์เป็นตัวล้างพิษช่วยดับพิษของพวกอนุมูลอิสระซึ่งเป็นอันตรายกับเซลล์ของอวัยวะต่าง ๆ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวพันกับโรคอันเนื่องมาจากความแก่ชรา ต่างๆ อย่างเช่น ต้อกระจกและโรคสมองเสื่อมอีกด้วย คณะนักวิจัยแจ้งว่าข้าวโพดหวานที่ต้มหรือปิ้งจะปล่อยสารประกอบที่เรียกว่า กรดเฟรูลิก อันเป็นคุณกับร่างกายยิ่งมากขึ้นเมื่อถูกความร้อนสูงขึ้นหรือเวลานานขึ้น

กรดเฟรูลิกเป็นพวกพฤกษเคมีซึ่งในผักและผลไม้มีอยู่ไม่มากนักแต่กลับพบมีอยู่อย่างอุดมในข้าวโพดผสมปนเปรวมอยู่กับอย่างอื่น การทำให้มันสุกจึงช่วยทำให้มันปล่อยกรดเฟรูลิกออกมาได้มากขึ้น

ขอบคุณ : http://variety.teenee.com/foodforbrain/2456.html